6/10/59

>>: สสภ.13 (ชลบุรี) ขอเชิญส่งผลงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าประกวด

ด้วยสถาบันลูกโลกสีเขียว มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน จัดการประกวด "รางวัลลูกโลกสีเขียว " ครั้งที่ 18 ในหัวข้อ "วิถีพอเพียง แบ่งปัน ผูกพัน ดิน น้ำ ป่า " เพื่อยกย่องเชิดชูให้การสนับสนุนและให้กำลังใจแก่บุคคล และกลุ่มบุคคล ที่ทำความดีเพื่อสังคมในด้านการสร้างสรรค์และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอเชิญท่าน และ/หรือ หน่วยงาน ชุมชน เยาวชน ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด โดยจะเปิดรับสมัครผลงานประเภทชุมชน บุคคล และกลุ่มเยาวชน ตั้งแต่บัดนี้จน ถึงวันที่  31 ธันวาคม 2559 ส่วนผลงานประเภทงานเขียน ความเรียงเยาวชน และสื่อมวลชน จะเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 ทั้งนี้รางวัลประกอบด้วย โล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ และรางวัลเงินสด










คุณสมบัติผู้ส่งผลงานเข้าประกวด




ตัวอย่างใบนำส่งผลงาน






ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม : รายงาน

26/7/59

>> : สสภ.13 (ชลบุรี) เปิดธนาคารขยะ ครั้งที่ 4/2559 วันที่ 29 กรกฎาคม 2559


ประกาศข่าวประชาสัมพันธ์
ธนาคารขยะรีไซเคิล สสภ.13 (ชลบุรี) 
วันที่ 29 ก.ค.59 เวลา 09.30 น. 
ขอเชิญ สมาชิกฯ นำขยะมาฝากกันนะคะ  
**หาก จนท.ไม่สะดวกแต่ต้องการนำขยะมาฝาก ให้รวบรวมและเขียนชื่อไว้ จนท.จะดำเนินการชั่งไว้ให้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ 

                                                     #ขอบคุณค่ะ#

29/6/59

: ขอเชิญร่วมประดับธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559



เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 ขอเชิญร่วมประดับธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงานและอาคารบ้านเรือน ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2560







: มาตรการและแนวทางปฏิบัติในการประหยัดน้ำของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๓ (ชลบุรี)



สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ได้เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานและสิ่งแวดล้อมในสำนักงาน รองรับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐ เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและ  มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี และเป็นตัวอย่างในการดำเนินการสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เรื่อง การประหยัดน้ำของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอประกาศมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการประหยัดน้ำ ดังนี้
๑. การล้างมือให้ใช้สบู่เหลวแทนการใช้สบู่ก้อนเพราะการใช้สบู่ก้อน ล้างมือจะใช้เวลามากกว่าการใช้สบู่เหลว และทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากกว่า
๒. การล้างจานหรือภาชนะอื่นๆให้ใช้ภาชนะรองน้ำไว้และล้างในภาชนะ จะประหยัดน้ำได้มากกว่าการล้างด้วยวิธีปล่อยน้ำให้ไหลจากก๊อกน้ำตลอดเวลา
๓. การล้างรถยนต์
๓.๑ การล้างทำความสะอาดรถยนต์ชองพนักงานขับรถ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำจากถังในการเช็ดถูทำ
ความสะอาด ห้ามใช้สายยางต่อท่อประปาฉีดล้างโดยตรง
๓.๒ ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเช็ดล้างภายในสำนักงาน
๔. การรดน้ำต้นไม้
๔.๑ การรดน้ำต้นไม้ให้มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง และควรใช้ Sprinkler หรือฝักบัวรดน้ำต้นไม้
แทนการฉีดน้ำด้วยสายยาง หรือปล่อยน้ำทิ้งไว้ จะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า
๔.๒ ไม่ควรรดน้ำต้นไม้ตอนแดดจัดเพราะน้ำจะระเหยหมดไปเปล่าๆ ควรรดน้ำต้นไม่ในตอน
เช้าที่อากาศยังเย็นอยู่ซึ่งการระเหยจะต่ำกว่า ช่วยประหยัดน้ำได้มาก
๔.๓ นำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดไปใช้ประโยชน์ เช่น นำไปรดน้ำต้นไม้แทนการใช้น้ำประปา
๕. ควรใช้ถุงหรือขวดบรรจุน้ำมาใส่ในโถชักโครกเพื่อลดการใช้น้ำ
๖. ไม่ควรทิ้งเศษอาหาร กระดาษ สารเคมีทุกชนิดลงในโถชักโครก เพราะจะสูญเสียน้ำปริมาณมากจากการชักโครกเพื่อไล่สิ่งของดังกล่าวลงท่อ
๗. สำรวจตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำอย่างเปล่าประโยชน์ โดยดำเนินการ
๗.๑ ตรวจสอบท่อน้ำรั่วภายในสำนักงาน
๗.๒ ตรวจสอบเครื่องใช้สุขภัณฑ์ว่ามีจุดรั่วซึมหรือไม่
๘. กรณีที่อุปกรณ์ชำรุดและจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ให้พิจารณาจัดหาอุปกรณ์ที่ประหยัดน้ำทดแทน เช่น ก๊อกประหยัดน้ำ ซักโครกประหยัดน้ำ ฝักบัวประหยัดน้ำ หัวฉีดประหยัดน้ำ โถปัสสาวะชายประหยัดน้ำ เป็นต้น


เผยแพร่โดย : ส่วนเฝ้าระวังและเตือนภัย
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี)





: มาตรการและแนวทางปฏิบัติในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๓ (ชลบุรี)



สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ได้เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานและสิ่งแวดล้อมในสำนักงาน รองรับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐ เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและ  มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี และเป็นตัวอย่างในการดำเนินการสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พื่อให้การดำเนินงานโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เรื่อง การใช้พลังงานไฟฟ้า ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอ
ยกเลิกประกาศสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) เรื่อง มาตรการและแนวทางปฏิบัติในการลดการใช้พลังงาน และขอประกาศมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ฉบับปรับปรุง ดังนี้
๑.การประหยัดพลังงานไฟฟ้าแสงสว่างภายในห้องทำงาน                                                                              
          ๑.๑ ปิดไฟฟ้าเมื่อพักเที่ยง ๑๒.๐๐ น – ๑๓.๐๐ น. หรือ หลังเลิกใช้งาน
          ๑.๒ ติดตั้งแผงสะท้อนหลอดไฟ
          ๑.๓ เลือกใช้อุปกรณ์แสงสว่างประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ บัลลาสต์ และโคมไฟ
          ๑.๔ ควบคุมแสงสว่างให้เหมาะสมกับการใช้งาน
          ๑.๕ ลดความสว่างที่เกินความจำเป็น (Over Light Compensation) เช่น บริเวณทางเดินที่ไม่จำเป็นต้องสว่างมาก วิธีลดความสว่างง่ายที่สุด คือ ปลดหลอดไฟออก
          ๑.๖ บำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบการทำงานและความสว่าง ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอทุกๆ ๓-๖ เดือน
          ๑.๗ ใช้แสงธรรมชาติช่วยลดการใช้พลังงานจากแสงไฟ
          ๑.๘ สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกอาคาร ทั้งฝาผนัง พื้น เพดาน และเครื่องจักร ควรเลือกใช้                 สีอ่อน เพราะค่าการสะท้อนแสงสูงจะช่วยให้ห้อง หรือบริเวณห้อง หรือบริเวณทำงาน ดูสว่างมากขึ้น
          ๑.๙ การเปิด-ปิดไฟฟ้าในเวลากลางคืนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้เปิดเฉพาะจุดที่จำเป็นและไม่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อบุคคลและทรัพย์สินของทางราชการ
๒. การประหยัดพลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศ
          ๒.๑ ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ ๒๕ องศาเซลเซียส
          ๒.๒ ไม่ควรปล่อยให้มีความเย็นรั่วไหลจากห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ควรหมั่นตรวจสอบและ    อุดรอยรั่วตามผนัง ฝ้าเพดาน ประตู ช่องแสง
          ๒.๓ ปิดประตูห้องทุกครั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศ หรือติดตั้งและใช้อุปกรณ์ ควบคุมการเปิด-ปิดประตูในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ
          ๒.๔ ทำความสะอาดและดูดฝุ่นบ่อยๆ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพราะหากฝุ่นอุดตันจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศลดลง
          ๒.๕ อย่านำความร้อน หรือของที่มีความชื้นเข้าไปไว้ในห้องปรับอากาศ เช่น กาต้มน้ำร้อน กระถางต้นไม้ เครื่องทำความร้อนต่างๆ เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น เนื่องจากเมื่อมีการนำความร้อนหรือความชื้นเข้ามาในห้องจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น
          ๒.๖ ลดและหลีกเลี่ยงการเก็บเอกสาร หรือวัสดุอื่นใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย และใช้พลังงาน
          ๒.๗ ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโดยรอบห้องที่มีการปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากการถ่ายเทความร้อนเข้าภายในอาคาร
          ๒.๘ ใช้มูลี่กันสาดป้องกันแสงแดดส่องกระทบตัวอาคาร และบุฉนวนกันความร้อนตามหลังคาและ    ฝาผนัง เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป
          ๒.๙ ควรปลูกต้นไม้รอบๆอาคารสำนักงาน เพื่อช่วยบังแสงแดดด้านข้างหรือเหนือหลังคา เพื่อเครื่องปรับอากาศจะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
          ๒.๑๐ ปลูกพืชคลุมดินเพื่อช่วยลดความร้อน และเพิ่มความชื้นให้กับดินจะทำให้สำนักงานเย็น          ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจนเกินไป
          ๒.๑๑ ในห้องทำงานเปิดเครื่องปรับอากาศช่วงเช้า เวลา 10.00 น.และควรปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงเวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ นและปิดเครื่องปรับอากาศช่วงเย็น เวลา ๑๖.๐๐ น. รวมทั้งปิดไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
๓. การประหยัดพลังงานไฟฟ้าของเครื่องมือและอุปกรณ์ในสำนักงานอื่นๆ
          ๓.๑ ปิดเครื่องหลังเลิกงานพร้อมทั้งถอดปลั๊ก
          ๓.๒ ปิดจอคอมพิวเตอร์ในเวลาพักเที่ยง
          ๓.๓ ตั้งค่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็น energy saving mode
๔. การลดพีคไฟฟ้า (Peak  Load) ตามมาตรการแนวปฏิบัติของกระทรวงพลังงาน ๒๕๕๙ “ปิด ปรับ ลด เปลี่ยน” ดังนี้
           ๔.๑ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นในช่วงเวลา ๑๔.๐๐ น. – ๑๕.๐๐ น.
           ๔.๒ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศจาก ๒๕ องศาเซลเซียส เป็น ๒๖ องศาเซลเซียส
           ๔.๓ ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน
           ๔.๔ เปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานตามฤดูกาล                     (ค่า SEER) สูง หรือใช้หลอด LED แทนการใช้หลอดไฟฟ้าแบบไส้




เผยแพร่โดยส่วนเฝ้าระวังและเตือนภัย
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี)

: มาตรการและแนวทางปฏิบัติในการใช้ทรัพยากรและวัสดุอุปกรณ์สำนักงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๓ (ชลบุรี)


สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ได้เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานและสิ่งแวดล้อมในสำนักงาน รองรับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐ เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและ  มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี และเป็นตัวอย่างในการดำเนินการสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  เพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำนักงานสีเขียว (Green Office) เรื่อง การใช้ทรัพยากรและวัสดุอุปกรณ์ ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอประกาศมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการใช้ทรัพยากรที่มีในสำนักงานและใช้เป็นประจำอย่างเหมาะสม เพื่อลดการเกิดของเสียจากกิจกรรม ได้แก่ กระดาษ หมึกพิมพ์อุปกรณ์เครื่องเขียน และอุปกรณ์สำนักงาน ดังนี้

.  การเลือกใช้และประหยัดกระดาษในสำนักงาน
๑.๑  เลือกซื้อและใช้กระดาษจากหน่วยงานที่ได้รับรองด้านเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระดาษกรีนการ์ด กระดาษไอเดียกรีน Double A 30% เป็นต้น
๑.๒  เศษกระดาษจากการพิมพ์หรือถ่ายเอกสารหน้าเดียว : ใช้หน้าที่ว่างเป็นกระดาษบันทึกข้อความ หรือร่างหนังสือ
๑.3  ควบคุมปริมาณกระดาษที่ใช้ในการถ่ายเอกสาร และควรกำหนดแนวทางให้มีการถ่ายเอกสารเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานในสำนักงาน และที่จำเป็นเท่านั้น
๑.๔  ซองจดหมายต่างๆ ที่ใช้แล้ว : สามารถนำกลับมาใช้ส่งเอกสารภายในสำนักงาน หรือตัดมุมทั้ง 4 มุม ใช้หนีบกระดาษ
๑.๕  หนังสือเก่า : นำไปบริจาคห้องสมุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยัง ประดิษฐ์เป็นดอกไม้ใช้ตกแต่งสถานที่ หรือบอร์ดประชาสัมพันธ์ได้
๑.๖ หนังสือพิมพ์เก่า : ใช้ห่อของขวัญ ประดิษฐ์ดอกไม ้หรือนำไปใช้ในการเช็ดกระจก
๑.๗  กล่องกระดาษต่าง ๆ : นำมาใช้เป็นถังขยะ
๑.๘  ตรวจสอบรายละเอียดที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์เพื่อลดปริมาณขยะกระดาษ
๑.๙  ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ลดการใช้กระดาษและพลังงานในการผลิตได้มาก
2.  การประหยัดหมึกพิมพ์ที่ใช้กับเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องโทรสาร (Fax) และเครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer)
๒.๑  ตรวจสอบรายละเอียดที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์ เพื่อลดการสิ้นเปลืองหมึกพิมพ์ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
๒.๒  กำหนดการสั่งพิมพ์เป็นแบบข้อความเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การพิมพ์ผ่านโปรแกรม PowerPoint จะต้องตัด background รูปภาพ ออก เนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่จำเป็น หรือแม้แต่ว่าหากต้องการพิมพ์แค่เฉพาะตัวอักษรในหน้าเว็บไซต์นั้นๆ สามารถคัดลอกไปวางใน โปรแกรม Word หรือ Notepad
๒.๓  ห้ามดึงสายไฟออกในขณะที่ยังไม่ปิดเครื่องปริ้นเตอร์ เนื่องจากหัวพิมพ์จะยังไม่กลับไปเข้าที่เดิม จึงมีผลทำให้หัวพิมพ์อุดตันได้ง่าย และเครื่องจะเสียเร็วกว่าปกติ
๒.๔  ใช้งานปริ้นเตอร์อย่างสมํ่าเสมอ หากไม่มีการใช้อย่างต่อเนื่องต้องมีการพิมพ์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง จะช่วยให้ตลับหมึกไม่แห้งและอุดตัน
 ๒.๕  ดำเนินการซ่อมบำรุงเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องโทรสาร และเครื่องปริ้นเตอร์ อย่างสมํ่าเสมอ
3.  การประหยัดวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน
๓.๑  การเบิกวัสดุอุปกรณ์ ควรเบิกเฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานและในปริมาณที่พอเหมาะ               โดยใช้ร่วมกันอย่างประหยัด เพราะวัสดุบางประเภทเมื่อเก็บไว้นานๆ จะเสื่อมสภาพได้
 ๓.๒  กำหนดแนวทางควบคุมการเบิกวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน เช่น กำหนดความถี่ในการเบิก เช่น เดือนละ 2 ครั้ง เป็นต้น
๓.๓  วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน เช่น กรรไกร คัตเตอร์ ที่เย็บกระดาษ เป็นต้น ควรเบิกใช้เป็นส่วนรวม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อบุคคล


เผยแพร่โดย : ส่วนเฝ้าระวังและเตือนภัย
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี)

22/5/59

: 23 พฤษภาคม "วันเต่าโลก" (World Turtle Day)



วันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 ได้เริ่มมีการกำหนดให้เป็นวันเต่าโลก โดยองค์กร American Tortoise Rescue ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรอนุรักษ์และช่วยเหลือเต่าบกและเต่าทะเล ได้เล็งเห็นถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเต่า รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์เต่า เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์ที่มีปริมาณแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ  ทางองค์กรจึงได้กำหนดให้วันที่ 23 พฤษภาคม ของทุกปี  เป็น "วันเต่าโลก" (World Turtle Day)
เต่า แบ่งได้เป็นสามชนิด ได้แก่ เต่าบก เต่าน้ำจืด และเต่าทะเล โดยเต่าบกและเต่าน้ำจืดถูกจัดอยู่ในอันดับเทสทูดิเนส (Order Testudines) ส่วนเต่าทะเลถูกจัดอยู่ในอันดับชีโลเนีย (Order Chelonia)
เต่าทั้งสามชนิดนี้จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปตามลักษณะการดำรงชีวิต เช่น เต่าทะเล มีลักษณะเฉพาะของกระดองเป็นรูปทรงรีแบน และเท้ามีลักษณะคล้ายกับใบพาย เพื่อเอื้ออำนวยต่อการว่ายน้ำ และเหมาะกับการดำรงชีวิตในทะเล (ยกเว้นเต่ามะเฟือง ซึ่งเป็นเต่าทะเลเพียงชนิดเดียวที่ไม่มีกระดองปกคลุม แต่จะมีส่วนของแผ่นหนังที่เป็นแผ่นหนา ไม่มีเกล็ด เรียงซ้อนกันเป็นร่องและสันนูนสลับกัน คล้ายกลีบของผลมะเฟือง)
ส่วนเต่าน้ำจืด กระดองแบนน้อยกว่าเต่าทะเล เท้ามีลักษณะแบนและมีพังผืดระหว่างนิ้วเท้า ในขณะที่เต่าบก มีลักษณะกระดองโค้งนูน และเท้ามีลักษณะเป็นทรงกระบอก เพื่อให้เหมาะแก่การดำรงชีวิตบนบก
 สัตว์ที่มีอายุยืน  และมีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตอย่างเต่า  ทำให้เต่าน่าจะกลายเป็นสัตว์ที่มีจำนวนมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลกด้วยซ้ำ  แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น  เต่าเป็นสัตว์ที่มีปริมาณจำนวนลดลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นวิกฤติ  แม้เต่าจะเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน  แต่กลับมีความสามารถในการแพร่พันธุ์ต่ำ  เต่าสามารถกำหนดเพศได้ด้วยอุณหภูมิ  แต่ปัจจุบันอุณหภูมิของโลกเกิดความแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงไปมาก  โลกเริ่มมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เต่ามีอัตราการเกิดเป็นเพศเมียสูงขึ้น  นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป  ยังส่งผลทำให้เต่าสูญเสียพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การวางไข่อีกด้วย

       นอกจากนี้การถูกไล่ล่ายังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เต่ามีจำนวนลดลง  เนื่องจากเต่าสามารถนำมาใช้ทำเป็นอาหารและทำเครื่องประดับและเครื่องหนังตกแต่งได้  เต่าจึงเป็นสัตว์ที่ถูกไล่ล่าจากผู้แสวงหาผลประโยชน์อยู่เสมอ
 14
       ปัจจุบันจึงมีองค์กรและหน่วยงานหลายแห่งที่ช่วยรณรงค์และร่วมกันเสริมสร้างจิตสำนึก  เพื่อให้ทุกคนร่วมกันหันมาอนุรักษ์เต่า  และเนื่องในโอกาสวันที่ 23 พฤษภาคมซึ่งเป็น วันเต่าโลก นี้  จึงขอเชิญทุกคนร่วมรณรงค์และส่งเสริมการอนุรักษ์ "เต่า…สัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งโลกสีคราม"  ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้  ให้คงอยู่คู่กับโลกของเราต่อไปค่ะ

8/5/59

>> : สสภ.13 (ชลบุรี) ร่วมรณรงค์คัดแยกขยะก่อนทิ้ง สู่การเป็นสำนักงานสีเขียว




>> : สสภ.13 (ชลบุรี) เข้าร่วมโครงการประเมินสำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี 2559


สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียว Green Office เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพการจัดการทรัพยากระรรมชาติ พลังงาน และสิ่งแวดล้อมในสัำนักงาน รองรับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี และเป็นตัวอย่างในการดำเนินการสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับหน่วยงานอื่น 



21/4/59

: ขอเชิญร่วมบริจาคอะลูมิเนียม ในโครงการบริจาคอะลูเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน ปี 2559

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ขอเชิญชวนร่วมบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียม ภายใต้โครงการบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน ปี 2559 ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มจากการตั้งจุดรับบริจาคที่กรมควบคุมมลพิษ และเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน เข้าร่วมโครงการ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันมีจุดรับบริจาคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์และรับบริจาคอะลูมิเนียมด้วย ได้แก่ งานปั่นจักรยานบริจาคห่วงอะลูมิเนียมเพื่อมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี งานวันสิ่งแวดล้อมโลก และออกบูธกิจกรรมตามงานที่ คพ. เข้าร่วม ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมาได้รับบริจาคอะลูมิเนียมรวมแล้วกว่า 1 ล้านกิโลกรัม และในปี 2558 สามารถรวบรวมได้ 10,364 กิโลกรัม
     และในปี 2559 ไปรษณีย์ไทยเห็นว่าโครงการบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทานเป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้พิการในสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซีเอสอาร์สร้างเสริมสังคมไทยผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ จึงยินดีให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ โดยยกเว้นค่าฝากส่งวัสดุอะลูมิเนียมจากผู้บริจาคถึงปลายทางกรมควบคุมมลพิษ ในน้ำหนักไม่เกินกล่องละ 5 กิโลกรัม ตลอดปี 2559 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 59) โดยจ่าหน้าถึง “กรมควบคุมมลพิษ เลขที่ 92 ซ.พหลโยธิน 7 ถ.พหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400”
     ในเขต กรุงเทพมหานคร สำนักจัดการกากของเสียอันตราย ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร มีจุดรับบริจาคอยู่ที่สำนักงานเขตของ กทม.ทั้ง 50 เขต และจะนำอลูมิเนียมที่รวบรวมได้ในพื้นที่ กทม. ส่งกรมควบคุมลพิษโดยตรง
 ในพื้นที่ต่างจังหวัด สามารถบริจาคได้ที่ี่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1-16 และ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด 76 จังหวสัด  และสามารถส่งมอบวัสดุอะลูมิเนียมได้ดังนี้ 
     1) ส่งมอบโดยตรงให้กับมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จังหวัดเชียงใหม่
     2) ส่งมอบที่อาคารกรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร
  3) ส่งผ่านทางไปรษณีย์ โดยบรรจุใส่กล่องหรือซอง  ชั่งน้ำหนักแล้วไม่เกิน 5 กิโลกรัม ส่งมาที่ โครงการบริจาคอะลูมิเนียมเพื่อจัดทำขาเทียมพระราชทาน กรมควบคุมมลพิษ เลขที่ 92 ซ.พหลโยธิน 7 ถ.พหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400”
     4) นำอะลูมิเนียมที่ได้รับบริจาคขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าและนำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่ือ "มูลนิธิขาเทียม" 
          - ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาชิดลม เลขที่บัญชี 001-4-76000-8
          - ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแพทยศาสตร์เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 566-2-50375-3
          - ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุเทพ เลขที่บัญชี 471-2-02394-0
          - ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนสุเทพ เลขที่บัญชี 504-0-15260-4
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- ส่วนลดและใช้ประโยชน์ของเสีย สำนักจัดการกากของเสียอันตราย กรมควบคุมมลพิษ
โทรศัพท์ 0 2298 2495-9 โทรสาร 0 2985398
- สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม 
โทรศัพท์ 0 3828 2381,3ต่อ 4 โทรสาร 0 38275 420



http://www.matichon.co.th/online/2016/01/14528473371452847416l.jpg

24/1/59

: ขอเชิญชวน ชุมชน และโรงเรียน สมัครเข้าร่วมโครงการชุมชนปลอดขยะ และโครงการโรงเรียนปลอดขยะ ปี 2559


สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี)  ขอประชาสัมพันธ์และเชิญชวนชุมชน และโรงเรียน สมัครเข้าร่วมโครงการโครงการประกวดชุมชนปลอดขยะ (Zero Waste) เฉลิมพระเกียรติ 87 พรรษา 87 ชุมชน ปี 2559 และโครงการประกวดโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) เฉลิมพระเกียรติ 61 พรรษา 61 โรงเรียน ปี 2559 ซึ่งจัดโดยขึ้นกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานด้านการจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร
        ชุมชน หรือ โรงเรียน สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดาวน์โหลดใบสมัคร ได้ดังนี้
และส่งใบสมัครมาที่ :
               กลุ่มรณรงค์ กองส่งเสริมและเผยแพร่
               อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ชั้น ๕
               เลขที่ ๔๙ พระราม ๖ ซอย ๓๐ ถนนพระราม ๖
               แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ 
              หรือทางโทรสาร ๐ ๒๒๙๘ ๕๗๓๘, ๐ ๒๒๙๘ ๖๓๓๒


***หมดเขตรับสมัครในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 และกำหนดส่งรายงานผลการดำเนินโครงการฯ โรงเรียนและชุมชน อย่างละ 1 เล่ม ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2559 นี้***











ส่วนส่งเสริิมการจัดการสิ่งแวดล้อม : ประชาสัมพันธ์